
ต่อมทอนซิลอักเสบ สัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม เชื่อว่าหลายคนจะต้องมีอาการ เจ็บคอเป็นบางครั้ง และรู้สึกว่า มีอะไรติดขัดอยู่ภายในลำคอ เมื่อไปพบแพทย์ ก็อาจจะวินิฉัยว่าต่อมทอมซินอักเสบ แล้วต่อมทอมซินอักเสบ เกิดจากอะไร มีอาการแบบไหน ควรจะรักษาอย่างไร แตกต่างจากอาการเจ็บคอทั่วไปอย่างไร และ วิธีรักษาต่อมทอนซิลอักเสบคืออะไร เรามาทำความรู้จักโรคนี้กันให้ชัดเจนขึ้นกันดีกว่า
ต่อมทอนซิลอักเสบ สัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
อาการ “ทอนซิลอักเสบ” เป็นอาการที่พบได้บ่อย เกิดขึ้นได้กับทุกช่วงอายุ แต่พบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ เป็นการอักเสบของต่อมทอนซิลคู่ซ้ายและขวา หรือ Palatine Tonsil อยู่ข้างซ้ายและขวาของผนังในลำคอใกล้กับโคนลิ้น ในทางการแพทย์จัดให้โรคต่อมทอนซิลอักเสบ อยู่รวมกับโรคคออักเสบ เนื่องจากจะมีอาการอักเสบเพราะการติดเชื้อที่ลำคอเสมอ
ต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis) คืออะไร?
“ต่อมทอนซิล” ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จัดอยู่ในกลุ่มของเนื้อเยื่อประเภทน้ำเหลือง ภายในต่อมมีเม็ดเลือดขาวหลายชนิด หน้าที่หลัก คือ การจับและ ทำลายเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายผ่านทางเดินอาหาร หน้าที่รองลงมาคือ สร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งต่อมทอนซิลพบได้หลายตำแหน่ง ที่เห็นชัดจะอยู่ด้านข้างของช่องปาก มีชื่อเรียกว่า พาลาทีนทอนซิล (Palatine Tonsil) นอกจากนี้ยังพบได้บริเวณโคนลิ้น (Lingual Tonsil) และช่องหลังโพรงจมูก (Adenoid Tonsil)
สาเหตุของ “ต่อมทอนซิลอักเสบ”
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่อมทอนซิลอักเสบกว่าร้อยละ 70 – 80 มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสเป็นส่วนใหญ่ และสาเหตุอื่น ได้แก่ การติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเชื้อทั้งหมดอาจอยู่ในน้ำลาย เสมหะ หรืออากาศที่หายใจเข้าไป การสัมผัสกับเชื้อที่ปนเปื้อนอยู่ตามจุดต่างๆ รอบตัว รวมไปถึงการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำจากภาชนะเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งทำให้เกิดการติดเชื้อที่ต่อมทอนซิลได้เช่นกัน

สัญญาณอันตราย “ต่อมทอนซิลอักเสบ”
- บริเวณต่อมทอนซิลทางด้านซ้าย หรือขาว มีอาการบวมแดง กดแล้วมีอาการเจ็บ อาการอาจรุนแรงและคงอยู่ยาวนานกว่า 48 ชั่วโมง
- กลืนอาหารลำบาก
- เสียงแหบหรือเสียงเปลี่ยน
- มีกลิ่นปาก
- มีไข้ หนาวสั่น
- ปวดศีรษะ
- ปวดที่บริเวณหู (เนื่องจากต่อมทอนซิล จะมีแขนงของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 9 มาเลี้ยง โดยเส้นประสาทนี้จะไปเลี้ยงที่หู ดังนั้นเมื่อมีต่อมทอนซิลอักเสบจึงมีอาการปวดร้าวที่หูร่วมด้วย )
การรักษา “ต่อมทอนซิลอักเสบ”
ทอนซิลอักเสบส่วนใหญ่เกิดจากไวรัส ซึ่งจะรักษาให้หายได้ภายใน 7-10 วัน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ แต่ดีขึ้นได้ด้วยการดูแลรักษาตัวเอง ส่วนการรักษาการอักเสบของต่อมทอนซิล ที่เกิดจากแบคทีเรียนั้นใช้เวลานานกว่า และ อาจต้องใช้วิธีการรักษาทางแพทย์ ได้แก่ การรับประทานยาปฏิชีวนะ และ การผ่าตัดในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน
การดูแลรักษาตนเอง หลังเป็น “ต่อมทอนซิลอักเสบ”
- เมื่อมีอาการเจ็บคอหรือมีไข้ ควรรับประทานยาแก้ปวดลดไข้ แต่หากเป็นไข้อ่อนๆ ไม่มีอาการเจ็บปวดก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยา
- ข้อควรระวังสำหรับเด็กหรือวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 16 ปี ที่มีอาการของโรคหวัดธรรมดาหรือโรคไข้หวัดใหญ่ไม่ควรใช้ยาแอสไพริน เพราะอาจทำให้มีอาการแพ้หรือที่เรียกว่าโรคเรย์ซินโดรม ส่งผลอันตรายถึงแก่ชิวิตได้
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำอุ่น หรือ น้ำอุ่นผสมน้ำผึ้ง เพื่อให้ชุ่มชื้นคอ
- รับประทานอาหารอ่อนๆ
- กลั้วปากด้วยน้ำเกลือ สามารถทำได้เองที่บ้าน โดยใช้เกลือ 1 ช้อนชาผสมน้ำเปล่าประมาณ 250 มิลลิลิตร กลั้วลำคอแล้วบ้วนทิ้ง จะช่วยให้บรรเทาอาการเจ็บคอลงได้
- รักษาความชุ่มชื้นของบ้าน หลีกเลี่ยงอากาศแห้ง เนื่องจากจะส่งผลให้ระคายเคือง ที่คอและเจ็บคอยิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงสารที่ก่อความระคายเคืองที่คอ อาทิ ควันบุหรี่ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั้งหลาย
เพียงแค่เราได้รู้จักสาเหตุ และแนวทางการรักษา ก็จะช่วยให้เราสามารถรับมือ กับอาการที่จะเกิดขึ้น เพราะหากเราไม่รู้อาการเบื้องต้นก็อาจจะเกิดอันตราย และอาจทำการรักษาไม่ทัน
การทำงานในยุคดิจิทัล ในยุคปัจจุบัน ที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ในรูปแบบที่กลายเป็นดิจิทัลมากขึ้น ข้อมูลต่างๆ ต้องเชื่อมโยงถึงกันได้ทุกที่ ทุกเวลา ส่งผลให้การทำงานของเราไม่จำกัดอยู่แต่ภายในออฟฟิศดังที่เคยเป็นมา โดยมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำงานเกือบทุกขั้นตอน และช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
ซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่ ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่กลับมาแผลงฤทธิ์ใส่ในเมืองไทยอีกครั้ง อยู่ติดบ้านเอาไว้ในช่วงนี้เป็นดีที่สุด และตัวเลือกในการหาอะไรผ่อนคลายระยะยาวในช่วงนี้ ก็คงจะไม่พ้นโปรแกรมซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่ๆ ที่เตรียมจะประเดิมออนแอร์ในเดือนนี้